มาทำความรู้จัก โครงการออแพร์อเมริกา (โครงการพี่เลี้ยงเด็ก) วีซ่า J-1!!!
/ วีซ่า / วีซ่าอเมริกา / มาทำความรู้จัก โครงการออแพร์อเมริกา (โครงการพี่เลี้ยงเด็ก) วีซ่า J-1!!!
โครงการออแพร์อเมริกา คือ โครงการพี่เลี้ยงเด็ก ภายใต้กฎหมายสหรัฐอเมริกาที่ออแพร์ถือวีซ่าประเภท J-1 นักเรียนแลกเปลี่ยน ( Cultural Exchange Visitor)
เปิดโอกาสให้เยาวชนจากนานาประเทศได้มาแลกเปลียนวัฒนธรรมผ่านการทำงานเีลี้ยงเด็ก พร้อมมีรายได้จากการทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็ก
- อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี และไม่เกิน 27 ปี นับวันที่บินเข้าประเทศอเมริกา กรณีอายุ 26 ปีสามารถสมัครได้ แต่ต้องบินเข้าประเทศอเมริกาก่อนอายุ 27
- การศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาปีที่ 6 ส่วนใหญ่เอเจนซี่จะรับคนที่จบหรือเรียนอยู่ในระดับปริญญาตรี
- เพศหญิง สำหรับเพศชายบางเอเจนซี่อาจรับ
- มีประสบการณ์การเลี้ยงเด็กอายุต่ำกว่าสองขวบไม่น้อยกว่า 200 ชั่วโมง แต่หลายๆ เอเจนซี่ก็ต้องการสูงมากกว่า 200 ชั่วโมง
- สุขภาพร่างกายแข็งแรง วิ่งตามเด็ก และเล่นกับเด็กได้ไม่เหนื่อย
- ไม่เป็นโรคติดต่อที่จะนำไปติดต่อกับเด็กหรือครอบครัวทีจะอยู่ด้วย
- ไม่มีประวัติอาชญกรรม
- ไม่เคยเป็นออแพร์ประเทศอเมริกามาก่อน
คุณสมบัติทีสำคัญทีสุด 2 ประการ คือ
- ต้องมีความสามารถในการปรับตัวสูง โดยไม่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง
- มีความสามารถในการดูแลควบคุมเด็กได้เป็นอย่างดี ออแพร์ต้องมาดูแลเด็ก หากไม่สามารถดูแลควบคุมเด็กได้ หรือว่าไม่รู้จะพาเล่นทำกิจกรรมอะไรดี จะทำให้ชีิวิตการทำงานพี่เลี้ยงเด็กน่าเบื่อหน่าย ไม่มีความสุข
ประโยชน์ที่ได้รับ
- ได้รับเงินค่าแรงจากการทำงานสัปดาห์ละไม่ต่ำกว่า 176.85 เหรียญ ต่อการทำงานไม่เกิน 45 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
- ได้รับการสนับสนุนค่าเ่ล่าเรียนจากโฮสต์สูงสุดไม่เกิน 500 เหรียญ
- ได้ีรับวันหยุดประจำสัปดาห์ ได้รับวันหยุดพักร้อนสองอาทิตย์ที่ได้รับค่าแรงตามปกติ
- ด้วยวีซ่านักเรียนแลกเปลียน นับจากวันทีวีซ่าหมดอายุ ออแพร์สามารถอยู่ต่อในประเทศได้อีกสามสิบวันอย่างถูกต้องตามกฏหมายเพื่อการท่องเที่ยวในประเทศอเมริกา
- ในขณะที่โครงการทดลองต่อปีสองยังเปิดโอกาสอยู่ ออแพร์สามารถขอเป็นออแพร์อีกหนึ่งปีต่อจากปีแรกได้ เรียกว่าออแพร์ปีที่สองโดยการเป็นออแพร์ปีทีสอง ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ
ค่าใช้จ่ายของแต่ละเอเจนซี่มี ราคา แตกต่างกันนะค่ะ
- ค่าใช้จ่ายค่าหลัก โดยทั่วไป ผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการต้องจ่าย มีดังต่อไปนี้
- ค่าทดสอบก่อนซื้อใบสมัคร( เป็นเรื่องของการทดสอบภาษาอังกฤษ และ จิตวิทยา บางเอเจนซี่ไม่เสีย แต่บางเอเจนซี่เสีย ส่วนใหญ่ไม่แพง ราวๆ 200 บาท)
- ค่าใบสมัคร( แต่ละเอเจนซี่ขายใบสมัครไม่เท่ากัน 3,500 -7,000 บาท )
- ค่าเข้าร่วมโครงการออแพร์ จ่ายเมื่อผู้สมัครตกลงทำงานกับครอบครัว แต่ละเอเจนซี่ ค่าแม็ทช์ ตัวนี้ไม่เท่ากันนะจ๊ะ ทั้งถูก ทั้งแพง มีหมด พิจารณากันเอา แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่เกิน 1,000 เหรียญค่ะ
- ค่าธรรมเนียมขอวีซ่า อันนี้ออกเองไม่เกียวกับเอเจนซี่ จ่ายตอนยื่นคำร้องขอจองวันสัมภาษณ์ประมาณ 400 บาทและค่าขอวีซ่า จำนวน 4,454 บาท
- ค่าใช้จ่ายรอง จะจ่ายมากจ่ายน้อยแล้วแต่บุคคล บางค่า บางคนไม่ต้องจ่ายเพราะมีอยู่แล้วทำไว้แล้ว ค่าเหล่านั้นได้แก่
- ค่าเดินทางเข้าเอเจนซี่เพื่อทำธุระต่างๆ
- ค่าดำเนินการเอกสารต่างๆ เช่นใบขับขี่รถยนต์ ใบขับขี่รถยนต์สากล ใบรับรองจบ หนังสือเดินทาง(passport) ใบทรานสคริปต์ รูปภาพ ค่าแปลเอกสาร (ในกรณีไปจ้างเขา)
ถ้าสนใจโครงการออแพร์
หากว่าสนใจต้องการร่วมโครงการออแพร์ผู้สนใจจะต้องติดต่อเอเจนซี่ในเมืองไทยแห่งใด แห่งหนึ่ง จะไปเอเจนซี่ไหนก็แล้วแต่ตามความพอใจ
ติดต่อเอเจนซี่ เพื่อรับการทดสอบภาษาอังกฤษและสัมภาษณ์ หากผ่านการทดสอบจึงสามารถซื้อใบสมัครได้ สำหรับคนที่ไ่ม่มีประสบการณ์เลี้ยงเด็กก็สามารถซื้อใบสมัครได้ แล้วค่อยไปเก็บประสบการณ์ที่หลัง ถ้าใครเคยมีประสบการณ์เลี้ยงเด็กมาแล้วก็ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าทีเอเจนซี่ทราบ เพื่อทางเขาจะได้พิจารณาได้ว่า จำนวนชั่วโมงพอเพียงกับที่ทางเขาต้องการหรือไม่ และวัยที่ได้เคยเลี้ยงมาตรงตามที่เขาต้องการหรือเปล่า สถานที่แนะนำสำหรับการเก็บประสบการณ์เลี้ยงเด็ก
เอกสารที่ต้องเตรียม
เอเจนซี่จะให้คุณซื้อใบสมัครได้ต่อเมื่อได้ผ่านการสอบวัดระดับภาษาและสัมภาษณ์ รายบุคคลแล้ว เมื่อได้ชุดใบสมัครผู้สมัครจะต้องเตรียมเอกสารและกรอกเอกสารให้เรียบร้อย โดยส่วนใหญ่แล้ว
เอกสารในชุดใบสมัครที่มีคือ
- ใบสมัคร
- แบบฟอร์มการตรวจสุขภาพ นำไปให้แพทย์กรอก แนะนำว่าเป็นที่โรงพยาบาล
- แบบฟอร์มรับรองบุคลิกภาพ อย่างน้อยสองฉบับ จากคนที่ไม่ใช่ญาติ อาจจะเป็นจากครู นายจ้าง เป็นต้น
- แบบฟอร์มรับรองการเลี้ยงเด็ก อย่างน้อยสองฉบับ จากคนที่รับผิดชอบเราตอนเราเลี้ยงเด็ก
เอกสารที่ต้องส่งแนบไปกับเอกสารใบสมัคร
- เขียนจดหมายแนะนำตัว ที่เรียกว่า Dear host family จดหมายแนะนำตัวต่างๆ
- ใบประกาศ First Aid and CPR ถ้ามี แต่บางเอเจนซี่ก็บังคับว่าจะต้องมี
- ใบขับขี่ ถ้ามี หรือว่าถ้าเอเจนซี่บอกว่าต้องมีก็ต้องไปสอบเอาใบขับขี่มา
- รูปภาพถ่ายกับเด็กที่เลี้ยง และ รูปภาพถ่ายเกียวกับตัวเราในกิจกรรมทั่วๆ ไป บรรยายภาพด้วยว่าสื่อถืงอะไร หรือภาพนี้พิเศษอย่างไรถึงเลือกมา
- สำเนาใบรับรองความประพฤติ จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฃ
- สำเนาหนังสือเดินทาง
หลังจากที่ยื่นเอกสารสมบูรณ์ ก็รอการติดต่อจากโฮสต์ ระยะการรอที่จะได้รับการจากโฮสต์ จะเร็วช้าแค่ไหน อันนี้ขึ้นอยู่แต่ละเอเจนซี่ด้วย เพราะว่านี้เป็นหนึ่งในปัญหาที่ผู้สมัครต้องพิจารณา แต่โดยส่วนใหญ ไม่เกินสามเดือน หลังจากยื่นใบสมัครต้องได้รับการติดต่อจากครอบครัวอเมริกันเข้ามา ถ้าสามเดือนหนึ่งยังไม่ได้รับการติดต่อใด ๆ เลย ไม่ว่าจะทาง อีเมลล์ โทรศัพท์ ควรติดต่อเอเจนซี่ เพราะอาจมีความผิดพลาดได้
การเลือกครอบครัว
ออแพร์มีสิทธ์เลือก ครอบครัวที่เหมาะสมเอง ทุกสิ้นทุกอย่าง โดยจะเลือกวัยเด็กที่จะดูแล รัฐที่จะอยู่ หรือ สวัสดิการที่แต่ละบ้านให้พิเศษ กับออแพร ์ทั้งหมดนี้ ออแพร์สามารถใช้เวลาให้นานกันเลยนะค่ะ ในการเลือกครอบครัวที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุดกับเรา เพราะว่า เมือไปที่เมกาแล้ว หากคุณต้องการเปลี่ยนครอบครัว จะมีเวลาจำกัด และถ้าเอเจนซี่ี่ไม่มีครอบครัวให้เราตอนเปลียนครบอครัวแล้วละก็ ยิ่งต้องทำใจว่า ต้องได้กลับเมืองไทยแน่นอน
ดังนั้น การเลือกครอบครัวด้วยความระมัดระวัง พร้อมทั้งสอบถามทุกสิ่งทุกอย่างให้มีความเข้าใจอย่างละเอียด การที่เรารู้มาก ถามมาก ไม่ได้หมายความเราเป็นคนเรื่องมาก หรือเลือกที่จะไม่ไป แต่การที่เราถามมาก จะได้ทำให้เรารู้มากและย่อมทำให้เราเตรียมตัวรับมือได้ถูกต้อง และจะได้ไ่ม่เป็นการคาดหวังเกินความจริง ว่าสิ่งที่จะได้เจอเมื่อเดินทางไปถึงจะเป็นอย่างนั้น
การขอวีซ่าออแพร์
เมื่อ ผุ้สมัครโครงการ ตกลงแม็ทช์กับครอบครัวเป็นที่เรียบร้อย ทางเอเจนซี่จะ ออกเอกสารสำคัญที่ชื่อว่า DS-2019 ให้แล้วเอาไปยื่นขอวีซ่า โดยวีซ่าที่ออแพร์ได้รับคือ วีซ่า J-1 นักเรียนแลกเปลี่ยน มีอายุ 1 ปี ให้ผู้สมัครนำ เอกสาร DS-2019 แนบกับเอกสารอื่น ๆที่สำคัญดังต่อไปนี แล้วเอาไปยื่นที่สถานทูตจ้า
- สมุดหนังสือเดินทางประจำตัว (passport)
- ใบรับรองการจบตัวจริง เอาภาษาอังกฤษนะค่ะ
- หลักฐานการเงิน โดยจะเอาเป็นเอกสารออกโดยธนาคาร หรือ สมุดบัญชีตัวจริงก็ได้ โดยต้องมีเงินฝากไม่ต่ำกว่า แสนห้า (ยิ่งมากก็ยิ่งดี ) โดยจะเป็นของผู้ปกครองตนเอง นั้นก็ก็ดีมากเลยทีเดียว หรือจะเป็นของบุคคลที่ไม่ใช่ผู้ปกครองก็ได้ แต่ก็คงต้องดูความสัมพันธ์กันไป และมีเงินมาในบัญชีมานาน ๆ ไม่เอาบัญชีเปิดที่เพิ่งเปิดใหม่ค่ะ พวกใบโฉนดที่ดิน ตึกแถว ใบทะเบียนรถยนต์ อะไรพวกนี้ไม่ต้องพกมาค่ะ ท่าน ๆ ไม่เอา เพราะมันไม่ใช่เงินสด มันเป็นเงินแห้ง เงินไม่คล่อง ฉุกเฉินขึ้นมาต้องใช้เงินสด
- จดหมายรับรองการทำงานของบิดา มารดา ในกรณีให้บุคคลอื่นรับรองให้ ก็ควรมีจดหมายรับรองการทำงานของบุคคลนั้น ๆ ด้วย
- รูปภาพสี ขนาด 2×2 นิ้ว จำนวน สองใบ ซึ่งพื้นฉากเป็นสีขาว
- ใบเอกสารคำร้องขอวีซ่า หยิบได้ฟรีที่สถานทูต DS-156, DS-157, และ DS-158 หรือที่แต่ละเอเจนซี่ก็จะมีบริการให้อยู่แล้ว อีกทั้งยังสามารถปริ๊นซ์ออกจากเว็บไชต์สถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทยได้อีกด้วยคะ
- ใบตรรวจสอบประวัติอาชญากรรม (ตอนที่ขอประวัติอาชญากรรมนะค่ะ เขาจะให้มาใบเดียวค่ะ ออกมาเป็ภาษาอังกฤษแล้ว เวลาเอาเอกสารตัวนี้ให้เอเจนซี่ ให้เอาตัวถ่ายเอกสารให้ ตัวจริงเก็บไว้ตอนขอวีซ่า)
- ใบรับรองแพทย์ ก็ตามร้านคลิกนิค โรคพยาบาลออกให้โดยทั่วไปนะค่ะ (เป็นใบแบบฟอร์มมาตราฐานที่แต่ละสถานพยาบาลจะมีอยู่แล้วค่ะ)
- เอกสาร ย่อย อื่น ๆประกอบ เช่น ใบประกาศคุณงามความดี รูปภาพกับบุคคลสำคัญของประเทศ(กรณีเคยทำคุณงามความดีจนได้รับรางวัล) ใบรับรองจากบุคคลต่าง ๆ ถึงความเหมาะสมของเราในการเข้าร่วมโครงการออแพร์ ดีเลิศกันอย่างไร ทำไมเหมาะเป็นออแพร์ ตรงนี้ก็ร่ายกันให้กระจายเลยนะจ๊ะ ออกโดย นายจ้าง อาจารย์ หรือ บุคคลที่นับถือได้ค่ะ ใบทะเบียนการค้าส่วนตัว หรือของครอบครัว
- ใบธนานัตค่าธรรมเนียมการขอวีซ่า ซื้อได้ที่ไปรษณีย์ทั่วไป (ผู้ขอวีซ่าทุกคน ทุกประเภทต้องจ่ายค่าธรรมเนียมขอวีซ่า 4,454 บาท โดยจ่ายที่ไปรษณีย์ ทำเป็นธนานัติ แล้วเอาตัวสำเนาธนานัติเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อขอวีซ่า คำเตือน !!!!ห้ามทิ้ง ห้ามหาย หายแล้วต้องทำใจ จ่ายใหม่สถานเดียวจ้า)
ตอนนี้ ธัญญ่ามีเสริมนะค่ะ ให้เขียนจดหมายแนะนำตัวเองแนบไปด้วยนะค่ะ ก็ประมาณว่าเราเป็นใคร เคยทำอะไรดี ๆ ไว้บ้าง แล้วทำไมอยากเป็นออแพร์ เป็นแล้วมันจะได้อะไรกับเรา แล้วจะทำอะไรต่อไปเมื่อจบโครงการออแพร์ แบบว่า ท่านเขาจะได้อ่านก่อนสัมภาษณ์เราตัวจริงไปเลยค่ะ อนึ่ง จดหมายแนะนำตัวนี้ อาจดัดแปลงจาก จดหมายที่เขียนแนะนำตัวให้ครอบครัวรู้จักตัวเรานั้นละค่ะ
ในปัจจุบันนี้ นับตั้งแต่ว้นที่ 19 มกราคม 2549 เป็นต้นมา สถานทูตเมกา ได้ให้ผู้ยื่นคำร้อง จองวันสัมภาษณ์ก่อนแล้วค่อยนำเอกสารเข้าไปยังวันสัมภาษณ์ทีเดียว การจองวันสัมภาษณ์ เอเจนซี่จะช่วยดำเนินการให้
การจองวันสัมภาษณ์ เราจะจองออนไลน์ก็ได้ หรือจองทางโทรศัพท์ การจองออนไลน์ผ่านเว็บไซต์สถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทย จำเป็นต้องมี PIN ซึ่งสามารถซื้อได้ออนไลน์หักบัตรเครดิต หรือว่าจะไปซื้อ PIN ที่ไปรษณีย์ก็ได้ การจองออนไลน์นี้เสียค่า PIN 408 บาท กรณีจองวันสัมภาษณ์ทางโทรศํพท์เสียค่าบริการ 680 บาท
เมื่อได้วันจองสัมภาษณ์เรียบร้อย ก็ค่อยนำเอกสารทั้งหมดที่เตรียมไว้ พร้อมหลักฐานการขอวีซ่า และค่าธรรมเนียมไปสถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทย ณ วันสัมภาณ์เลย
หากว่าได้รับการพิจารณาผ่าน พาสปอร์ตก็จะถูกส่งมาให้ทางไปรษณีย์ภายในสามถึงห้าวันค่ะ หากไม่ได้รับการพิจารณาเจ้าหน้าที่ผุ้สัมภาษณ์จะแจ้งให้ทราบทันทีแล้วคืนพาสปอรต์มาให้เลยค่ะ มีกระทู้เกี่ยวกับการขอวีซ่า
เดินทางสู่อเมริกา
หลังจากได้วีซ่า ออแพร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พวกเราก็สามารถเดินทางเข้าสู่ประเทศอเมริกาได้เลยค่ะ โดยที่ค่าตั๋วบินมาอเมริกานั้น ทางเอเจนซี่จะเป็นคนจัดการให้ทั้งสิ้น เมื่อมาถึงอเมริกาแล้วเพื่อนๆ ต้องเข้ารวมปฐมนิเทศน์ก่อน แต่ละเอเจนซี่จะปฐมนิเทศกันนานแค่ไหนไม่เท่ากัน บางที่สามวัน บางที่สี่วัน ส่วนสถานที่ที่จัดการปฐมนิเทศจะอยู่ที่เมืองใดหรือรัฐใดก็ไม่เหมือนกันแล้วแต่เอเจนซี่ บางทีก็จัดทีนิวยอร์ก บางทีก็จัดที่ซานฟรานซิสโก เป็นต้น การปฐมนิเทศน์จะทำให้ออแพร์ไทยพบเจอเพื่อนออแพร์จากชาติอื่นๆ แล้วหลังจากปฐมนิเทศน์ ออแพร์ก็เดินทางเข้าสู่บ้านโฮสต์ และเริ่มต้นชีวิตการเป็นออแพร์ อย่างเต็มรูปแบบ ของให้ทุกคนโชคดี กับชีวิตการเป็นออแพร์หนึ่งปีในอเมริกา
GreatAuPair USA เปิดรับสมัครผู้สมัครจากประเทศไทย อายุ 18 – 26 ปี เข้าร่วมโครงการ J-1 Au Pair in America เป็นระยะเวลา 1 – 2 ปี สมัครกับตัวแทนอย่างเป็นทางการ ณ ประเทศไทย https://www.belovedthaiaupair.com/โครงการออแพร์อเมริกา/ สอบถามเพิ่มเติม LINE ID : Belovedthaiaupair ค่ะ